top of page
  • Writer's pictureAdmin

11 แบรนด์สเก็ตบอร์ดระดับโลก ที่มีอิทธิพลต่อการแต่งตัวแนว Street

Updated: Nov 7, 2018

ถ้านักเซิร์ฟรักอิสระบนเกลียวคลื่น และนักสโนวบอร์ดหลงใหลหิมะหนาและหน้าผาสูงชัน ‘สเก็ตบอร์ด’ ก็เป็นสิ่งที่ช่วยดึงเสน่ห์ของมุมเมืองออกมาได้อย่างมีสีสัน ให้คุณสามารถแล่นไปตามบนพื้นถนน ลัดเลาะผ่านซอกซอยและผู้คน แถมยังเร่งความสนุกด้วยลูกเล่นผาดโผนได้ทุกที่อีกด้วย วันนี้เราเลยจะพาคุณไปพบกับ 11 แบรนด์สเก็ตบอร์ดระดับโลก ที่ไม่ได้มีความน่าสนใจเพียงแค่กระดานติดล้อเท่านั้น แต่ยังมีสไตล์เสื้อผ้าเฉพาะตัว เรียกได้สัมผัสวัฒนธรรมหลากหลายของสังคมชาวสเก็ตเลยทีเดียว!


Vans 

เข้าสู่ปีที่ 50 ไปหมาด ๆ กับการ “Off The Wall” ซึ่งประวัติศาสตร์ของ Vans เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1966 ที่ 2 พี่น้องตระกูล Van Doren จับมือกับพาร์ทเนอร์อีก 2 คน เปิดธุรกิจรองเท้าขนาดเล็กขึ้นที่แคลิฟอร์เนีย ซึ่งธุรกิจนี้ก็ฉายแววรุ่งเรืองตั้งแต่เช้าวันแรก เพราะรองเท้าของพวกเขาขายได้ถึง 12 คู่ และในปี 1970s รองเท้า Vans ก็แพร่หลายไปยังกลุ่มนักสเก็ตบอร์ดในแคลิฟอร์เนียใต้ที่ชื่นชอบรองเท้าที่เหนียวและทนทาน ทำให้เกิดเป็นชื่อ House of Vans ขึ้นในที่สุด


Stüssy 

เป็นอีกหนึ่งแบรนด์สตรีทที่มีต้นกำเนิดมาจากแคลิฟอร์เนียใต้ แต่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสไตล์ของนักโต้คลื่นและแนวดนตรีฮิปฮอปแทน โดยเริ่มต้นเมื่อปี 1980s เมื่อผู้ก่อตั้ง Bred Shawn Stussy ได้เริ่มจำหน่ายกระดานโต้คลื่นที่นำรูปทรงกระดานใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพ มารวมเข้ากับสไตล์ดนตรีอย่างฮิปฮอป เรกเก้ พังค์ และนิวเวฟ ซึ่งสินค้าทุกชิ้นก็จะมีซิกเนเจอร์คือลายเซ็นนามสกุล Stüssy ของเขาติดอยู่ด้วยทุกชิ้น ซึ่งลายเซ็นสวย ๆ นี้ก็ไม่ได้ได้มาจากใครที่ไหน นักเขียนกราฟฟิตี้และนักวาดภาพแอ็บสแตร็ค Jan Frederick Stüssy ลุงของเขาเอง

ในปี 1984 Stüssy ได้เป็นพาร์ทเนอร์กับ Frank Sinatra Jr. และได้ออกไลน์เสื้อผ้ามากมายพร้อมด้วยโลโก้อื่น ๆ ซึ่งอันที่ดัง ๆ เลยก็คือ โลโก้ตัว S ไขว้กัน และกราฟิกที่เขียนว่า Stüssy No.4 ล้อโลโก้และน้ำหอมแบรนด์ไฮเอนด์อย่าง Chanel

ปัจจุบันตระกูล Sinatra ยังคงบริหารแบรนด์ Stüssy อยู่ และได้ขยายกิจการไปทั่วโลก



Supreme 

ถ้าพูดถึงแบรนด์สเก็ตบอร์ดระดับโลกแล้ว จะไม่พูดถึงแบรนด์สีแดงขาวสุดเอกลักษณ์นี้คงไม่ได้ ด้วยฉายา “Chanel แห่งวงการสตรีทแวร์” ที่เป็นดั่งความใฝ่ฝันสูงสุดของชาวสตรีททุกหมู่เหล่า Supreme เริ่มต้นขึ้นเมื่อชายชาวอังกฤษนาม James Jebbia ได้ข้ามทะเลมาทำงานในนิวยอร์คในปี 1983 ควบคู่กับการทดลองเปิดร้านเสื้อผ้าหลายแห่ง ขณะเดียวกันก็ได้คลุกคลีกับสตรีทแฟชั่นจากการทำงานกับ Stüssy สตรีทแบรนด์ยอดฮิตในเวลานั้น


จนวันหนึ่งเขาได้ไปเจอตึกว่างพร้อมค่าเช่าราคาถูก ในทำเลเงียบ ๆ บนถนน Lafayette ย่าน Manhattan ที่เขาหมายตาว่าเหมาะที่จะเป็นจุดนัดพบของชาวสเก็ตบอร์ด  ซึ่งจุดประสงค์แรกเริ่มของ Supreme เลยก็คือการทำเสื้อผ้าเนื้อดี ดีไซน์สวยมาไว้ให้นักสเก็ตวัยรุ่นใส่กัน ซึ่งนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดตัวของ Supreme ในปี 1994


Thrasher 

หลายคนอาจไม่รู้ว่าเสื้อ Thrasher ลายไฟที่ฮิตกันอยู่ช่วงหนึ่ง จริง ๆ แล้วมาจาก Thrasher Magazine ไบเบิลของเหล่านักสเก็ต ในช่วงแรกก่อตั้งในปี 1981 Eric Swenson และ Fausto Vitello ต้องการจะใช้มันเพื่อโปรโมตแบรนด์สเก็ตบอร์ดและอุปกรณ์เสริมของเขาเท่านั้น

แต่หลังจากการดำรงตำแหน่งบรรณาธิการเมื่อปี 1993 ของ Jake Phelps แม็กกาซีนนี้ก็กลายมาเป็นแม็กกาซีนสเก็ตบอร์ดเต็มตัว แถมฉีกภาพลักษณ์ธรรมดาออกแล้วดึงเอาตัวตนดิบเท่ของกีฬาสเก็ตบอร์ดออกมามากขึ้น ซึ่งต่อมาก็ได้ทำการผลิตเสื้อผ้าออกมาและได้รับความนิยมล้นหลามตั้งแต่ยุค 80 จนกระทั่งตอนนี้ที่ดีไซน์เสื้อผ้าแนวสตรีทออกมามากขึ้นตามความนิยมในยุคนี้ อย่างเสื้อลายไฟลุก คอลเลคชันปี 2016  ถือเป็นอีกหนึ่ง Trend Setter ให้กับวงการสเก็ตบอร์ดในปัจจุบัน


Palace Skate 

มาถึงคิวแบรนด์สเก็ตแท้จากแดนผู้ดีอย่างเกาะอังกฤษกันบ้าง ด้วยโลโก้สะดุดตารูปสามเหลี่ยมที่มีชื่อ Palace ติดอยู่ทั้ง 3 ด้าน ชื่อนี้ได้มาจากแลนด์มาร์คของย่าน Southbank ในกรุงลอนดอน ซึ่งภาษาเด็กสเก็ตสุดเฮี้ยวที่นั่นเรียกกันว่า “The Palace” เป็นที่มาของชื่อ ‘Palace Wayward Boys’ Choir’ กลุ่มสเก็ตบอร์ดที่ดังที่สุดในอังกฤษ ที่ Lev Tanju เจ้าของแบรนด์ Palace Skate เป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มด้วย


เริ่มต้นมาจากการทำเสื้อผ้าขึ้นมาใส่เองเฉพาะกลุ่ม จนกระทั่งเมื่อ Supreme แบรนด์สเก็ตยักษ์ใหญ่จากอเมริกาได้เริ่มบุกตลาดยุโรป รวมไปถึงการมาเปิดสาขาที่ลอนดอน จึงทำให้ Palace Skate ได้อานิสงส์ความคูลของ Supreme ดึงให้แบรนด์สตรีทเฉพาะกลุ่มนี้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และเติบโตขึ้นไปเหยียบเวทีโลกได้ นอกจากนี้ Palace Skate ยังมีกลิ่นอายความเป็นเด็กสเก็ตของอังกฤษ ที่แตกต่างจากทางอเมริกาอีกด้วย


Polar Skate 

มาไกลกันอีกนิดที่ฝั่งยุโรป กับ Polar Skate Co. ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศสวีเดนโดย ex-Cliché และ Emerica rider Pontus Alv ที่ทำการเปิดตัวแบรนด์แบบคูล ๆ ไปเมื่อปี 2013 ด้วยสไตล์เสื้อผ้าและสเก็ตบอร์ดที่ไม่เหมือนใคร แถมยังเชิญชวนแฟน ๆ ให้เรียนรู้การเล่น Wall Ride อีกด้วย ซึ่งหลังจากประสบความสำเร็จในฐานะแบรนด์สเก็ตบอร์ดที่ฟีเจอร์ผลงานศิลปะและภาพถ่ายของตัว Pontus เองแล้ว Polar ก็ขยับขยายไปสู่การดีไซน์เสื้อผ้าคุณภาพสูงที่เผสมผสานระหว่างเสื้อผ้ากีฬาและสไตล์สเก็ตแบบดั้งเดิม



BAPE 

มาถึงแบรนด์สเก็ตจากฝั่งเอเชียกันแล้ว กับโลโก้ลิงที่เราคุ้นเคยกันดี กับแบรนด์ BAPE หรือ “A Bathing Ape” แห่งเกาะญี่ปุ่น เริ่มต้นขึ้นโดย Nigo หรือ Tomoaki Nagao กับ Jun Takahashi เพื่อนไฮสคูล ในปี 1993 ได้เปิดตัวครั้งแรกในร้านชื่อ Nowhere ที่ฮาราจูกุ และด้วยความที่ BAPE เป็นแบรนด์ที่มีอิมเมจของความ underground ทางแบรนด์จึงค่อย ๆ ขยายธุรกิจแบบเงียบ ๆ และไม่ลงโฆษณาแบบครึกโครม แต่แล้ว BAPE ก็ถึงคราวดังแบบพลุแตกด้วยการคอลแลบกับ Pepsi ในปี 2001 และขยายต่อไปยังกลุ่มฮิปฮอปฝั่งอเมริกาผ่านทาง Pharell Williams

สไตล์หลักของ Bape จะเป็นสตรีทแวร์ที่มีธีมของความกบฏของวัยรุ่น กับวัฒนธรรมที่แปลกแยกในสังคม ทำให้เราไม่สามารถแยกสตรีทแวร์ออกจากความวัยรุ่นได้ ดีไซน์จะเน้นความสนุก ทำให้นึกถึงวัยเด็ก เช่น ดีไซน์หน้าปลาฉลามบนเส้อฮู้ดดี้ก็ทำให้เรานึกถึงเครื่องบินรบ และสินค้ายอดนิยมตลอดกาลของ BAPE ก็คือฮู้ดดี้ลาย Signature Camouflage (คนซ้าย)

จริง ๆ แล้ว Bape มีชื่อเต็ม ๆ ว่า “A Bathing Ape in lukewarm water” สื่อถึงสองความหมายด้วยกัน ความหมายแรกชัดเจนเลยคือสื่อถึงภาพยนตร์ดัง Planet of the Apes ที่เขาเป็นแฟนตัวยง ส่วนความหมายที่สองสื่อถือวิธีการอาบน้ำของคนญี่ปุ่นที่ต้องใช้น้ำที่มี่อุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ใช้เวลาและความพิถีพิถัน ซึ่งเจ้าของแบรนด์เค้าก็ตั้งใจแซวความขี้เกียจและความกระเป๋าหนักของวัยรุ่นญี่ปุ่นที่ซื้อของเค้าไปใช้ด้วย!


Supercomma B 

มาถึงฝั่งเกาหลีที่ขึ้นชื่อเรื่องแฟชั่นสตรีทกันบ้าง ซึ่ง Supercomma B นี้ก็ถือเป็นแบรนด์สตรีทแถวหน้าที่เหล่าไอดอลนิยมใส่กันทั้งหญิงและชาย โดยเฉพาะรองเท้าที่เป็นตัวหลักของแบรนด์

ดีไซน์เสื้อผ้าทำออกมาให้ใส่ง่าย เช่น เสื้อผ้าโอเวอร์ไซส์ และเสื้อผ้าโทนสีโมโนโทนเรียบ ๆ ที่ใส่ง่าย ดูสตรีท และสามารถนำไปแมทช์กับอะไรก็ได้ เสื้อที่มีลายก็จะเป็นดีไซน์เรียบเท่ เหมาะแก่การใส่ไปเล่นสเก็ตบอร์ดมาก ๆ ส่วนเสื้อผ้าผู้หญิงนั้นคงความเรียบเท่แบบของผู้ชาย แต่เพิ่มกิมมิค เช่น การปักเลื่อม



DC 

กลับมาเต็มที่กลับฝั่งอเมริกาอีกครั้งกับ DC Shoes คือแบรนด์รองเท้าสัญชาติอเมริกาที่โดดเด่นในการทำรองเท้าสำหรับกีฬาแอคชั่นอย่างสเก็ตบอร์ดและสโนว์บอร์ด ก่อตั้งขึ้นในปี 1994 โดย Damon Way และ Ken Block ที่เมือง Carlsbad รัฐแคลิฟอร์เนีย แต่ปัจจุบันย้ายมาตั้งบริษัทที่ Huntington Beach รัฐแคลิฟอร์เนียแล้ว

เมื่อก่อน DC นั้นย่อมาจาก “Droors Clothing” ที่ขายเสื้อผ้า แต่เกิดเหตุให้เลิกทำไป จึงกลายมาเป็น DC Shoes, Inc. จนถึงปัจจุบัน และนอกจากรองเท้าแล้ว DC ยังมีเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับ หมวก เสื้อ และโปสเตอร์อีกด้วย


Volcom 

มาถึงแบรนด์โลโก้ลายหินอย่าง Volcom ที่มาพร้อมกับสโลแกน True to This และ แคมเปญ Let the Kids Ride Free กันบ้าง โดยแบรนด์สัญชาติอเมริกันนี้ที่ก่อขั้นในปี 1991 ตั้งโดย Richard “Wooly” Woolcott และ Tucker “T-Dawg” Hall ภายหลังจากที่ทั้งสองกลับมาจากทริปสโนว์บอร์ดด้วยกัน

และเนื่องจากความชอบและประสบการณ์ของทั้งคู่ Volcom จึงออกมาเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์สำหรับวัยรุ่นที่ชื่นชอบกีฬาแอคชั่นอย่างเซิร์ฟ สเก็ตบอร์ด และสโนวบอร์ดโดยเฉพาะ มีทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ และอุปกรณ์เสริม สำหรับทั้งผู้ชายและผู้หญิง ปัจจุบัน Volcom มีสำนักงานใหญ่ในเมืองคอสตาเมซา รัฐแคลิฟอร์เนีย และดำรงตำแหน่ง CEO โดย Todd Hymel



Dickies 

แบรนด์นี้มีต้นกำเนิดแบบไม่ธรรมดา เพราะเป็นเสื้อผ้าขวัญใจแรงงานชาวอเมริกันทุกหมู่เหล่ามาตั้งแต่ปี 1922 ก่อนจะกลายมาเป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่ประสบความสำเร็จระดับโลก (ที่แม้กระทั่งประเทศไทยเรายังเคยฮิตกันเมื่อช่วงประมาณ 20 กว่าปีก่อน) โดยประวัติอันยาวนานของ Dickies นี้เริ่มต้นจากการก่อตั้งบริษัท Williamson-Dickie ของ C.N. Williamson และ พันเอก E.E. Dickie โดยเริ่มแรกบริษัทเกี่ยวกับยานพาหนะ และต่อมาก็ได้เปลี่ยนไปผลิต workwear แทน และต้องผลิตชุดทหารจำนวนมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

หลังจบสงคราม Dickies ก็ได้ขยายธุรกิจไปทั้งอเมริกา รวมทั้งทวีปอื่น ๆ อีกด้วย และด้วยความที่ดีไซน์เฉพาะของ Dickies มีเอกลักษณ์และมีความ Old School อยู่ จึงทำให้แบรนด์นี้ได้นั่งแท่นหนึ่งในเทรนด์เสื้อผ้าแห่งยุค 90 เลยทีเดียว และด้วยอุดมการณ์ของการขายเสื้อผ้าคุณภาพ ราคาถูก ให้ชนชั้นแรงงาน ปัจจุบัน Dickies ก็ยังคงยึดคำมั่นนี้อยู่ แต่ก็มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ไปตามยุคสมัยด้วย


จบไปแล้วกับ 11 แบรนด์ สเก็ตบอร์ด ระดับโลก ที่แต่ละแบรนด์มีความเป็นมาแบบสุดเก๋า ทั้งแบรนด์เก่าที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย และแบรนด์น้องใหม่ที่เข้ามาตีตลาดด้วยความครีเอท และสไตล์เฉพาะตัว หากมีใครคนไหนสนใจการแต่งตัวแนว Street ต้องการที่จะซื้อสินค้าก็ติดต่อมาได้ที่เรา shirt2hands

304 views0 comments

Recent Posts

See All

รีวิวรายวิชา EGME405 Online Entreprenuership ธุรกิจและผู้ประกอบการออนไลน์

สวัสดีครับ ผม นายธนายธนวัฒน์ เวียนนอก รหัสนักศึกษา 5813020 นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิศวกรรมเครื่องกล ชั้นปีที่ 4 วันนี้ผมจะมารีวิว วิชา EGME405 Online Entreprenuership ธุรกิจและผู้ประกอบการออนไลน

รีวิวรายวิชา EGME 405 ธุรกิจและผู้ประกอบการ

สวัสดีครับผมเป็นนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ชั้นปีที่ 4 ที่มีโอกาสได้เรียนใน รายวิชา EGME 405 ธุรกิจและผู้ประกอบการ ผมรู้จักวิชานี้จากการแนะนำของเพื่อน ได้ยินว่าวิชานี้สอนเกี่ยวกับการทำธุรกิจออนไลน์ โดยข

bottom of page